วิธีลดน้ำหนักใน 1 วัน แบบฉบับคนขี้เกียจ
วิธีลดน้ำหนักใน 1 วัน แบบฉบับคนขี้เกียจ
คำถามยอดฮิตสำหรับคนที่กำลังอยากลดน้ำหนักก็คือ “ทำยังไงจะลดน้ำหนักได้?” แต่เชื่อมั๊ยว่าคนที่ถามคำถามนี้ 80% รู้อยู่เต็มอกว่ามีวิธีไหนบ้างแต่ที่ทำไม่สำเร็จสักทีส่วนหนึ่งมากจากความขี้เกียจของตัวเองล้วนๆแล้วอย่างงี้ทำยังไงถึงจะลดน้ำหนักได้สักทีน้า
วันนี้เราจึงขอนำเสนอ วิธีลดน้ำหนักใน 1 วัน แบบฉบับคนขี้เกียจ เพื่อให้คุณสามารถลดน้ำหนักโดยไม่ต้องยุ่งยากมากเรื่อง เพียงแค่เอาไปปรับใช้ในกิจวัตรในแต่ละวันเท่านั้นเอง
1. ดื่มน้ำเมื่อลืมตาตื่นนอน และก่อนมื้ออาหาร
วิธีที่แสนง่ายแต่หลายคนกลับมองข้าม เพียงแค่คุณดื่มน้ำ 1 แก้ว หลังลืมตาตื่นนอนตอนเช้าทันทีเพราะช่วงนี้ร่างกายขาดน้ำมาทั้งคืน การดื่มน้ำในตอนนี้จึงช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี และกระตุ้นการขับถ่ายได้อีกด้วย นอกจากนี้การดื่มน้ำ ประมาณ 1-2 แก้ว ก่อนมื้ออาหาร ½ – 1 ชั่วโมงจะช่วยบรรเทาความหิวและทำให้คุณสามารถกินข้าวได้น้อยลงด้วย
2. กินข้าวเช้า
มีการวิจัยพบว่าการกินอาหารมื้อเช้าเป็นสิ่งสำคัญในการลดน้ำหนักที่ให้ผลดีและการกินมื้อเช้าในปริมาณมากๆจะช่วยให้ลดน้ำหนักตัวได้คงที่สม่ำเสมอในระยะยาวแต่ๆๆอย่าพึ่งหอบของในตู้เย็นออกมาเตรียมยัดลงท้องในตอนเช้ากันนะจ๊ะเพราะการเน้นกินอาหารเช้าให้มากขึ้นไม่ได้หมายความจะกินอาหารประเภทใดหรือมากเท่าใดก็ได้แต่แนะนำให้กินโปรตีนซึ่งเป็นสารอาหารที่ให้พลังงานเช่นนมถั่วเนื้อปลาไข่ไก่แทนที่จะเป็นอาหารจำพวกแป้งเพราะช่วยให้อยู่ท้องและลดความอยากอาหารได้ด้วยส่วนมื้อกลางวันและมื้อเย็นก็ค่อยๆลดปริมาณพลังงานที่ได้จากอาหารลงโดยเลือกกินผักผลไม้ให้มากกว่าคาร์โบไฮเดรตโปรตีนและไขมันพอปรับสมดุลแบบนี้ไปได้เรื่อยๆก็จะทำให้คุณกินอาหารเช้าได้อย่างเต็มที่ลดความหิวในมื้ออื่นๆไปโดยปริยาย
3. เคี้ยวข้าวทุกมื้อให้ละเอียด
เรื่องเล็กน้อยที่หลายคนมองข้ามก็คือการเคี้ยวอาหารให้ละเอียด เพราะชีวิตที่เร่งรีบทำให้ทุกอย่างต้องดูรีบไปซะหมด แต่ท่องไว้ในใจนะจ๊ะว่า “ช้า ๆ ได้หุ่นงาม ๆ” นั่นก็เพราะว่าการเคี้ยวอาหารอย่างช้าๆจะทำให้อิ่มไวขึ้นความรู้สึกอยากอาหารของเราลดลงเหนือสิ่งอื่นใดการเคี้ยวอาหารอย่างละเอียดช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นลดปัญหาท้องอืดท้องเฟ้อได้อีกทางหนึ่งด้วยเห็นมั๊ยว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย
4. เลือกอาหารเบรก
นั่งทำงานไปแป๊บ ๆ ก็รู้สึกปากว่างอยากหาของเข้าปากสักหน่อย เรื่องนี้เข้าอกเข้าใจไม่ว่ากันแต่ให้เปลี่ยนอาหารเบรกจากชาไข่มุก คุกกี้ มาเป็นอะไรเบา ๆ low calorie และมีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ผลไม้ที่รสไม่หวานมาก เช่น ส้ม ชมพู่ แตงโม หรืออาจจะเป็น โยเกิร์ต เมล็ดธัญพืช ก็ช่วยเพิ่มน้ำตาลให้กระชุ่มกระชวยแต่ไม่เพิ่มน้ำหนักให้ต้องกุมขมับทีหลัง
5. แค่ขยับก็ (เกือบ) เท่ากับออกกำลังกาย
หลายคนไลฟ์สไตล์อาจไม่เอื้อต่อการออกกำลังกายมากนัก เพราะฉะนั้นอย่าปล่อยให้การออกกำลังกายเป็นเรื่องไกลตัว ขอให้คุณเริ่มออกกำลังกายง่าย ๆ แม้ขณะไปทำงาน รอรถ พักเบรก เช่น การยืดเหยียดการเดินขึ้น–ลง บันไดแทนการใช้ลิฟต์ การบิดตัว บิดศีรษะตอนนั่งที่โต๊ะทำงานบ้าง การเปลี่ยนอิริยาบถระหว่างวันบ้าง นอกจากจะช่วยเผาผลาญพลังงานแล้วยังช่วยลดปัญหาออฟฟิศซินโดรมได้ด้วย
6. อย่างดมื้อเย็น
หลายคนเข้าใจผิดว่าอยากลดความอ้วนต้องอดมื้อเย็น ซึ่งนอกจากจะไม่ได้ผลแล้วยังเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่จะตามมา เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ความผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกาย เป็นต้น ดังนั้น สำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วนไม่จำเป็นต้องงดอาหารมื้อเย็น แต่ให้หันมาปรับเปลี่ยนวิธีกินอาหารเย็นโดย เลือกกินอาหารที่ให้พลังงานต่ำ ย่อยง่าย หลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการกินมื้อเย็น คือ 18.00-19.00 น. เพื่อให้ย่อยทันก่อนเราเข้านอน จะได้ไม่เกิดการสะสมพลังงานในรูปของไขมัน
7. นอนอย่างมีคุณภาพ
ใครคิดว่านอนดึกจะทำให้โทรม ซูบผอม ขอบอกว่าหยุด! เพราะความผอมที่ได้อาจมาพร้อมกับโรคดังนั้นจัดสรรเวลาเข้านอนไม่เกิน 4 ทุ่ม พักผ่อนให้ได้สัก 8 ชั่วโมงเพราะจะช่วยกระตุ้นการหลั่งของฮอร์โมนที่จำเป็นต่อการควบคุมการเผาผลาญพลังงานและการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายที่สำคัญจะได้ไม่ต้องหิวตอนดึกๆให้ลำบากหักห้ามใจอีกด้วย
ทุกข้อที่ว่ามาจะทำให้น้ำหนักลดลงอย่างช้าๆเพราะทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไปมีแค่ความสม่ำเสมอเท่านั้นที่จะทำให้คุณไปสู่เป้าหมายได้เพราะฉะนั้นเริ่มทำตั้งแต่วันนี้เลย!